Wednesday, July 13, 2011

พลังแฝง





สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน....วันนี้ฉันมีเรื่องใหม่จะเล่าสู่ฟัง  เกี่ยวกับเรื่อง "พลังแฝง"  คำว่า "พลังแฝง" ในที่นี้หมายถึง  จิตวิญญาณอื่น  ที่เข้ามาแฝงอยู่ในกายของคน แล้วมีอิทธิพลต่อบุคคลนั้น  ซึ่งมีทั้งพลังบวกและพลังลบ  ถ้าเป็นพลังแฝงที่ดีหรือเป็นพลังบวก  ก็สามารถทำประโยชน์ให้กับบุคคลนั้นได้ด้วย  อย่างทีเคยเห็นกันโดยทั่ว ๆ ไป เช่น บางคนมีความสามารถทำนายทายทักได้แม่นยำมาก  โดยที่ตนเองไม่เคยฝึก  หรือร่ำเรียนวิชานี้มาก่อนเลย  บางคนสามารถตรวจอาการของโรคกรรมต่าง ๆ  และรักษาโรคกรรมได้  โดยใช้พลังผ่านที่ฝ่ามือ  บางคนบอกเหตุการณ์ในอดีตหรืออนาคตของผู้อื่นได้ถูกต้องเหมือนเห็น  โดยที่ตนเองไม่เคยฝึกสมาธิมาก่อนเลย  บางคนเก่งมากจนคนพากันศรัทธา เห็นเป็นผู้วิเศษก็มีเยอะมากในปัจจุบันนี้  นี่เป็นเพียงแค่ยกตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ  เท่านั้น

คนมีพลังแฝง  ในปัจจุบันนี้มีมากมาย  มีทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผย  ส่วนฝ่ายพลังลบก็มีไม่น้อยเช่นกัน แต่ฝ่ายพลังลบนี่ใครมีก็ถือว่า "โชคร้าย" มาก ๆ  เพราะจะทำให้บุคคลนั้น ไม่สามารถที่จะกระทำความดีได้เลย ไม่สามารถที่จะศึกษาพระธรรมะได้เลย  เพราะจิตที่มาแฝงนั้น เป็นจิตอกุศล จะมีอิทธิพลต่อบุคคลนั้น  เขาจะสั่งให้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ  ถ้าบุคคลนั้นไม่สามารถ  แยกความรู้สึกของตนกับความรู้สึกที่ผิดปรกติได้  ก็จะหลงยึดว่า  จิตแฝงนั้นคือจิตของตน

ในทำนองเดียวกัน  ฝ่ายพลังบวกถ้าแยกไม่ออก  ว่าเป็นจิตแฝงหรือจิตของตน ก็หลงว่าเป็นตน ๆ เป็นผู้วิเศษได้เช่นกัน  และถ้าไม่มีการศึกษาพระธธรม  ฟังพระธรรม  ฝึกเจริญสติอยู่เนื่อง ๆ  เพื่อไว้คุ้มครองตน ก็จะกลายเป็นผู้หลงไปจากความเป็นจริง กลายเป็นพวก "มิจฉาทิฏฐิ" ได้  โดยเฉพาะฝ่ายพลังลบนั้น ถ้าเจอพลังแฝงที่ไม่มีคุณธรรมเลย ก็จะถูกเขาบังคับให้ทำ  ในสิ่งที่ผิดศิลธรรมได้  ถ้าไม่ทำตามที่เขาต้องการ ก็จะโดนลงโทษ ทำให้เป็นบ้าหรือโรคจิต  ถ้าซวยมาก ๆ  ก็ป่วยทางกายอย่างหนักแบบระยะยาว  ทำให้ต้องเสียเงินรักษามากมายและไม่หายง่าย ๆ  ยิ่งเป็นโรคจิตด้วย  ก็ยิ่งยากที่จะมีโอกาสที่จะมีชีวิตที่ปรกติได้

กรณีที่มีพลังแฝงฝ่ายดีนั้น ถ้าเป็นจิตวิญญาณ  ที่มีคุณธรรมมาแฝง เพื่อมาสร้างบารมีด้วย  เขาจะพาทำในสิ่งที่ดี  เขาจะไม่บังคับให้เบียดเบียนผู้อื่น  และจะไม่บังคับให้ทำตามที่เขาต้องการ บ้างก็จะช่วยให้บุคคลนั้นมีสุขภาพแข็งแรงกว่าปรกติ  มีความสามารถพิเศษหลายอย่าง  ซึ่งสามารถทำประโยชน์ให้แก่สังคมและเพื่อนมนุษย์ได้ด้วย  กรณีนี้มีน้อยมาก

ที่มาของพลังแฝง  มีหลายสาเหตุ  ปัจจุบันนี้มีคนนิยมไปรับ "ขันครู" จากสถานที่ต่าง ๆ โดยที่ตนเองก็ไม่เข้าใจอะไร   เขาเรียกว่ารับ "ขันธ์ ๕" เราก็มีขันธ์ ๕ กันอยู่แล้วทุกคน  เป็นขันธ์ที่หนักมากพออยู่แล้ว  ก็ยังไม่พอใจ อยากได้ขันธ์ ๕ มาเพิ่มอีก คิดว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้น  หารู้ไม่ว่า  ขันธ์ ๕ ที่ไปรับมานั้นก็คือรับเอา "ผี" หรือวิญญาณมาอยู่ด้วย จึงเรียกว่า "พลังแฝง"  การรับขันครูก็มีมาแต่โบร่ำโบราณมาแล้ว แต่ต้องเป็นครูบาอาจารย์ที่ท่านฝึกปฏิบัติ  จนได้ฌาณจิตซึ่งสามารถสื่อกับวิญญาณได้  จึงจะเชื่อได้ว่าเป็นของดีแน่  คนที่ไปรับขันครูมาแล้ว  ภายหลังเป็นบ้า ๆ บอ ๆ ก็มีเยอะมาก ต้องเดือดร้อน วิ่งหาพระเกจิอาจารย์หรือผู้มีวิชาแก่กล้าด้านไสยศาสตร์  ช่วยรักษาให้  กว่าจะหายได้  ก็แทบเอาชีวิตไม่รอด

พลังแฝงบางประเภทมาเองโดยไม่ต้องเชิญ  เพราะเหตุว่าเขาเคยมีความเกี่ยวข้องกันมาแต่อดีตชาติ  ก็มีทั้งพลังบวกและพลังลบอีกเช่นกัน  วิธีที่ดีที่สุด  เพื่อไม่ให้จิตตกเป็นทาสของพลังแฝง  ก็คือยึด "พระธรรม" เป็นที่พึ่ง  เราเป็นชาวพุทธ  ควรศึกษาพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พยายามรักษาศีล หมั่นทำทาน  ฟังธรรมะ  ฝึกเจริญความสงบและฝึกเจริญสติ เพื่อให้เกิดปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริงของขันธ์ ๕  ไม่หลงยึดติดอยู่กับอารมณ์ภายนอกที่มากระทบ ไม่ปล่อยจิตให้ไหลไปตามกระแสต่าง ๆ   พยายามศึกษาพระธรรมเพื่อละความเห็นผิดทั้งหลาย อันจะนำมาซึ่งความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า

สำหรับบทความเรื่อง "พลังแฝง" นี้  ฉันคิดว่าคงพอที่จะเป็นเครื่องเตือนใจ แก่ท่านที่เชื่อตามเขา ๆ  ว่าอะไรก็คล้อยตามเขา  ก็อาจจะโดนเขาที่ไม่มีตัวตนเล่นงานได้   ขอท่านได้โปรดอ่านด้วยวิจารณาญาณของท่านเองนะคะ จะได้ไม่ตกเป็นทาสของพวกมิจฉาทิฏฐิ