Friday, July 20, 2012

แนวทางเจริญสติปัฏฐาน (ตอนที่ ๑)



ขอนอบน้อมแด่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สวัสดีค่ะ  ท่านผู้อ่านทุกท่าน

ท่านทราบไหมว่า ในชีวิตของท่านวันหนึ่ง ๆ นั้น ไม่มีสิ่งใดเลย ที่ท่านจะพึ่งยึดถือได้ว่าเป็นตัวตนได้
มีหนทางเดียวเท่านั้น ที่ให้รู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ คือ ต้องเจริญสติในขณะนี้เดี๋ยวนี้เอง เรื่องของการเจริญสตินั้น  เป็นเรื่องของการเจริญปัญญา รู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏจริง ๆ ด้วยสติ  คือในขณะนั้นมีการระลึกได้แล้ว ก็พิจารณาลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ  เพราะเหตุว่าวิธีนี้เท่านั้นที่จะประหารกิเลสได้  ไม่ว่ากิเลสอย่างหยาบหรืออย่างละเอียด สลับสับซ้อนอยู่อย่างไรก็ตาม ถ้าขณะนั้นปรากฏ ปัญญาเท่านั้นที่ต้องรู้ ๆ ว่าสภาพธรรมนั้นไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่สัตว์ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย  ก็แล้วแต่ว่าจะเกิดทางใด จะเป็นทางตา หรือทางหู  ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ

วิธีที่กล่าวมาแล้วนี้ เป็นวิธีขัดเกลาจิตใจ  เป็นวิธีที่จะทำให้ละคลายความไม่รู้  ละคลายอกุศลต่าง ๆ  ก่อนอื่นจะต้องรู้ว่า อกุศลต่าง ๆ เหล่านั้นไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่สัตว์ ซึ่งวิธีนี้ไม่เหมือนกับวิธีระงับอกุศลไว้ด้วยสมาธิ  ซึ่งเป็นความสงบระงับไว้เพียงชั่วคราวหรือชั่วขณะเท่านั้น

เรื่องของการเจริญสติปัฏฐาน เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก ๆ  บางท่านอาจจะไม่ทราบ หรือไม่รู้สึกเลยว่า มี "ความต้องการ" แอบแฝงอยู่ที่ไหน อย่างไรบ้าง มีการจดจ้อง จงใจ ต้องการเฉพาะบางนามบางรูป  จิตจดจ้องอยู่ในอารมณ์เดียว ทำให้ไม่สามารถรู้สิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ตามปกติได้ เช่น กำลังเห็นขณะนี้ กำลังได้ยินขณะนี้  แต่ถ้าขณะนี้ไม่ได้จดจ้อง กำลังเห็นเกิดสติระลึกได้  รู้ว่าที่กำลังเห็น ก็เป็นเพียงสภาพรู้ ธาตุรู้ หรือสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ เป็นเพียงของจริงที่ปรากฏทางตา

การเจริญสติปัฏฐานนั้น ละความยินดียินร้ายในโลก....โลกในที่นี้ หมายถึงอารมณ์ที่กำลังปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ไม่ว่าอารมณ์นั้นจะเป็นอารมณ์อะไรก็ตาม ละความยินดียินร้ายด้วยการรู้ลักษณะของสภาพธรรม (นามและรูป) มากขึ้น เช่น การฟังธรรมเป็นกุศล เพราะเหตุว่าไม่ใช่ความยินดีพอใจ (อภิชฌา) แต่ว่าไม่ใช่สติปัฏฐาน เป็นเพียงกุศลขั้นการฟัง.....เวลาที่เจริญสติปัฏฐานก็เป็นมหากุศลที่ประกอบด้วยปัญญา เพราะว่าขณะที่กำลังตั้งใจฟังธรรม ด้วยความตั้งใจที่จะเข้าใจ ในขณะนั้นเป็นมหากุศล เป็นปัญญาจริง  แต่ไม่ใช่การรู้ลักษณะของได้ยิน (นาม)  และไม่รู้ลักษณะของเสียง (รูป) เพราะฉะนั้น ในขณะที่ฟังแล้วเข้าใจก็ยังเป็นตัวตนอยู่  จึงเป็นแค่กุศลขั้นการฟัง ยังละความเห็นผิดในนามและรูปที่กำลังปรากฏไม่ได้

พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้างามพร้อม ทั้งเบื้องต้น  ท่ามกลาง และที่สุด ทั้งศีลซึ่่งเป็นข้อประพฤติปฏิบัติทางกาย ทางวาจา ตามปกติในชีวิตประจำวัน และพร้อมทั้งสมาธิและปัญญา

                                              
                                             
                                                  ขออนุโมทนาบุญค่ะ

                            
                                   ......................................................