รูปที่มีใจครอง คือ มีจิตเกิดกับรูปนั้น ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ จิตทุกขณะต้องเกิดที่รูปตามประเทภของจิตนั้น ๆ เช่น จักขุวิญญาณทำกิจเห็น เกิดที่จักขุปสาทรูป โสตวิญญาณทำกิจได้ยิน เกิดที่โสตปสาทรูป ฆานวิญญาณทำกิจรู้กลิ่น เกิดที่ฆานปสาทรูป ชิวหาวิญญาณทำกิจลิ้มรส เกิดที่ชิวหาปสาทรูป กายวิญญาณทำกิจรู้เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ไหว ตึง (ธาตุดิน ไฟ ลม) เกิดที่กายปสาทรูป
ส่วนจิตอื่น ๆ ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ นอกจากที่กล่าวแล้วนี้ จิตเกิดที่รูป ๆ หนึ่ง เรียกว่า หทยรูป เพราะเป็นรูปซึ่งเป็นที่เกิดของจิต ฉะนั้น วัตถุรูปซึ่งเป็นที่เกิดของจิตจึงมี ๖ รูป
รวมอวินิพโภครูป ๘ + ลักขณรูป ๔ + ปริจเฉทรูป ๑ + ปสาทรูป ๕ + หทยรูป ๑ เป็น ๑๙ รูป
รูปที่เกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐานทุก ๆ กลาป จะต้องมีชีวิตินทริยรูปเกิดร่วมด้วยทุกกลาป ชีวิตินทริยรูปรักษารูปที่เกิดร่วมกันในกลาปหนึ่ง ๆ ให้เป็นรูปที่ดำรงชีวิต ฉะนั้น รูปของสัตว์ บุคคลที่ดำรงชีวิตจึงต่างกับรูปทั้งหลายที่ไม่มีใจครอง
รวมอวินิพโภครูป ๘ + ลักขณรูป ๔ + ปริจเฉทรูป ๑ + ปสาทรูป ๕ + หทยรูป ๑ + ชีวิตินทริยรูป ๑ เป็น ๒๐ รูป
การที่สัตว์ บุคคลทั้งหลายโดยทั่วไปต่างกันเป็นหญิงและชายนั้น เพราะภาวะรูป ๒ คือ
อิตถีภาวรูป เป็นรูปที่ซึมซาบอยู่ทั่วกาย ทำให้ปรากฏเป็นทรวดทรง สัณฐาน อาการ กิริยา ท่าทางของเพศชาย
ปุริสภาวรูป เป็นรูปที่ซึมซาบอยู่ทั่วกาย ทำให้ปรากฏเป็นทรวดทรง สัณฐาน อาการ กิริยา ท่าทางของเพศชาย
ในแต่ละบุคคลจะมีภาวรูปหนึ่งภาวรูปใด คือ อิตถีภาวรูป หรือปุริสภาวรูปเพียงรูปเดียวเท่านั้น และบางบุคคลก็ไม่มีภาวรูปเลย เช่น พรหมบุคคลในพรหมโลก และผู้ที่เป็นกระเทย
รวมอวินิพโภครูป ๘ + ลักขณรูป ๔ + ปริจเฉทรูป ๑ + ปสาทรูป ๕ + หทยรูป ๑ + ชีวิตินทริยรูป ๑ + ภาวรูป ๒ เป็น ๒๒ รูป
ส่วนจิตอื่น ๆ ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ นอกจากที่กล่าวแล้วนี้ จิตเกิดที่รูป ๆ หนึ่ง เรียกว่า หทยรูป เพราะเป็นรูปซึ่งเป็นที่เกิดของจิต ฉะนั้น วัตถุรูปซึ่งเป็นที่เกิดของจิตจึงมี ๖ รูป
รวมอวินิพโภครูป ๘ + ลักขณรูป ๔ + ปริจเฉทรูป ๑ + ปสาทรูป ๕ + หทยรูป ๑ เป็น ๑๙ รูป
รูปที่เกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐานทุก ๆ กลาป จะต้องมีชีวิตินทริยรูปเกิดร่วมด้วยทุกกลาป ชีวิตินทริยรูปรักษารูปที่เกิดร่วมกันในกลาปหนึ่ง ๆ ให้เป็นรูปที่ดำรงชีวิต ฉะนั้น รูปของสัตว์ บุคคลที่ดำรงชีวิตจึงต่างกับรูปทั้งหลายที่ไม่มีใจครอง
รวมอวินิพโภครูป ๘ + ลักขณรูป ๔ + ปริจเฉทรูป ๑ + ปสาทรูป ๕ + หทยรูป ๑ + ชีวิตินทริยรูป ๑ เป็น ๒๐ รูป
การที่สัตว์ บุคคลทั้งหลายโดยทั่วไปต่างกันเป็นหญิงและชายนั้น เพราะภาวะรูป ๒ คือ
อิตถีภาวรูป เป็นรูปที่ซึมซาบอยู่ทั่วกาย ทำให้ปรากฏเป็นทรวดทรง สัณฐาน อาการ กิริยา ท่าทางของเพศชาย
ปุริสภาวรูป เป็นรูปที่ซึมซาบอยู่ทั่วกาย ทำให้ปรากฏเป็นทรวดทรง สัณฐาน อาการ กิริยา ท่าทางของเพศชาย
ในแต่ละบุคคลจะมีภาวรูปหนึ่งภาวรูปใด คือ อิตถีภาวรูป หรือปุริสภาวรูปเพียงรูปเดียวเท่านั้น และบางบุคคลก็ไม่มีภาวรูปเลย เช่น พรหมบุคคลในพรหมโลก และผู้ที่เป็นกระเทย
รวมอวินิพโภครูป ๘ + ลักขณรูป ๔ + ปริจเฉทรูป ๑ + ปสาทรูป ๕ + หทยรูป ๑ + ชีวิตินทริยรูป ๑ + ภาวรูป ๒ เป็น ๒๒ รูป
..........................