Friday, February 1, 2013

ลักษณะของจิต (ตอนที่ ๑)



ในขุททกนิกาย มหานิทเทส ปสูรสูตตนิทเทสที่ ๘  ข้อ ๓๑๙ มีข้อความว่า  ชื่อว่า  "ใจ (มโน)"  คิดทิฏฐิทั้งหลายด้วยใจ  ความว่า  ใจ  คือ  จิต  มโน  มานัส  หทัย  ปัณฑระ  มนะ  มนายตนะ  มนินทรีย์ วิญญาณ  วิญญาณขันธ์  มโนวิญญาณธาตุที่เกิดแต่ผัสสะ  เป็นต้น

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงใช้พยัญชนะหลายคำ  เพื่่อที่จะให้เข้าใจลักษณะของจิตซึ่งทุกคนมี   จิตเป็นสภาพรู้  เป็นอาการรู้  เป็นนามรู้  เป็นนามธรรม จึงรู้ได้ยากว่า  ลักษณะที่เป็นเพียงธาตุรู้นั้นเป็นอย่างไร   ทั้ง ๆ  ที่ทุกคนก็คงจะเข้าใจความหมายบางประการของจิตที่ว่า  "ใจ"  ทั้ง ๆ ที่ทุกคนมี  แต่ไม่รู้ว่ามี  ถ้าไม่พิจารณาก็จะไม่รู้ว่า เมื่อไรและขณะไหนเป็นจิต

ในอัฎฐสาลินี  อรรถกถาธัมมสังคณีปกรณ์  จิตตุปปาทกัณฑ์  อธิบายจิตตนิทเทส  มีข้อความว่า  ธรรมชาติที่ชื่อว่า  จิต  เพราะเป็นธรรมชาติวิจิตร

ธาตุรู้หรือนามรู้ มีมากมายไม่ใช่อย่างเดียว  จิตเป็นธรรมชาติที่วิจิตร  ความวิจิตรของจิตปรากฏเมื่อคิดนึกเรื่องราวต่าง ๆ  ซึ่งไม่ว่าใครจะทำอะไรในวันหนึ่ง ๆ นั้น  เมื่อพิจารณาแล้วย่อมรู้ว่าเป็นไปตามความวิจิตรของจิตทั้งสิ้น

จะเห็นได้ว่า ชีวิตประจำวันในวันหนึ่ง ๆ  ทุกคนมีนึกคิดแตกต่างกันไปตามความวิจิตรของจิต  ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการกระทำทั้งทางกาย  ทางวาจาต่าง ๆ  แต่ละคนก็คิดแตกต่างกันไป  ผู้ที่สนใจทางธรรมก็พิจารณาธรรมต่าง ๆ กัน  ความคิดเห็นในขั้นของการประพฤติปฏิบัติธรรมก็ต่างกัน  แม้แต่ในเรื่องของโลก  ความเป็นไปในกลุ่มบุคคลแต่ละกลุ่ม  แต่ละประเทศ  ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วก็เป็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ของโลก  แต่ละขณะย่อมเกิดขึ้นเป็นไปตามความวิจิตรของความคิดของแต่ละบุคคล  โลกยุคนี้เป็นอย่างนี้  ตามความคิดของแต่ละบุคคลในยุคนี้สมัยนี้  แล้วต่อไปโลกจะเป็นอย่างไร  ก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นไปตามจิตซึ่งคิดวิจิตรต่าง ๆ  นั่นเอง

ด้วยเหตุนี้  จึงเห็นได้ว่า  จิตเป็นธรรมชาติที่วิจิตร  จิตที่เห็นทางตาเป็นจิตประเภทหนึ่ง  ต่างกับจิตที่ได้ยินทางหู  ซึ่งเป็นจิตอีกประเภทหนึ่ง  และต่างกับจิตที่คิดนึก เป็นต้น


                                  ขออนุโมทนาในกุศลจิตและขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์

                                                               .........................................