Thursday, May 5, 2011

เปรตฝรั่งขอส่วนบุญ (ต่อ)

เรื่องเปรตฝรั่งยังค้างอยู่หน่อย  ฉันก็จะขอเล่าต่อให้จบในวันนี้เลยนะคะ  แล้วจะได้เล่าเกี่ยวกับประสบการณ์เกี่ยวกับการฝึกจิตตอนต่อไป   หลังจากที่ฉันได้ฟังลูกสาวเล่าเรื่องเปรตจนจบแล้ว  ฉันก็ได้กำหนดจิตสื่อถามครูบาอาจารย์ของฉันทันที  ครูบาอาจารย์ที่ว่านี้ไม่มีตัวตนหรอกนะ  เป็นนามธรรมแต่คุยกันได้ด้วยพลังจิต พอสื่อถามก็ตอบได้เหมือนคุยกับคนนี่แหละ  หรือเรียกอีกอย่างว่า "พลังแฝง"  ครูบาอาจารย์ท่านมาโปรดพวกเปรตทันที

วิธีการโปรดวิญญาณของท่านก็คือ สวดมนต์ผ่านทางโทรศัพท์  สวดเป็นภาษาเทพหรือภาษาเทวดา  ฉันก็ฟังไม่รู้เรื่องหมดหรอกนะ  บางคำได้ยินบ่อย ๆ ก็พอจะเข้าใจ  แต่ฉันก็มีล่ามส่วนตัวคอยแปลให้ฟัง  อาจารย์สวดมนต์ไพเราะมากเสียงโหยหวญจนเกิดอาการขนลุกไปทั้งตัว จากนั้นฉันก็รู้สึกว่าพะอืดพะอมจะอาเจียนให้ได้  ในที่สุดก็อาเจียนเสียงดังลั่นบ้าน  ปรากฏว่าไม่มีอะไรออกนอกจากลมเท่านั้น แต่ก็เล่นเอาเงยศีรษะไม่ขึ้นเลยนะ   เรียกว่าอาเจียนมาราธอนก็แล้วกัน แต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อย  อาจารย์ท่านทำพิธีสวดให้พวกเปรตฟังจนเป็นที่พอใจของพวกเขาแล้ว  เขาก็พากันออกจากบ้านไป   จะไปที่ไหนก็เรื่องของเขาล่ะตอนนี้เราไม่รับทราบด้วยนะ


หลังจากนั้นฉันก็รู้สึกว่าไม่มีอาการผิดปกติอะไรอีก  แต่ที่ตัวลูกสาวซิผิดปกติ  มีพวกเปรตแฝงอยู่  เขาคงจะอยู่ด้วยกันทั้งวัน  ที่รู้ก็เพราะว่าเขาเล่าว่าตนเองเป็นคนกินน้อยแต่วันนี้แปลกมาก ๆ ทำไมหิวตลอดวันและกินมากด้วย  กินเท่าไรก็ไม่อิ่มสักที  นอกจากนั้นยังมีลมในท้องมากด้วย ต้องปล่อยลมบ่อยมาก  อาจารย์ของฉันก็ได้เมตตาช่วยปัดเป่าให้จนรู้สึกเป็นปกติ  ฉันก็เจออ๊วกมาราธอนอีกรอบหนึ่ง  คิดว่างานนี้คงเพียบแน่เพราะงานโปรดพวกเปรตนี่น่ะ  บอกตรง ๆ ว่ายังไม่เคยเจอมาก่อนเลย  แปลกมากพอหลังจากเสร็จงานแล้ว ฉันกลับมีแรงมากว่าเดิม  เวลาสองยามไปแล้วฉันยังมีแรงมานั่งเขียนเล่าให้ท่านอ่านกัน  อาจารย์ท่านทำพิธีโปรดวิญญาณผ่านทางโทรศัพท์ได้ด้วย  ทันสมัยดีนะคะและท่านก็ไม่มีการเรียกค่าครูหรือค่าเหนื่อยหรอก  ฟรีตลอดกาล  ส่วนฉันก็เป็นเพียงอุปกรณ์ในการทำงานของท่าน

เห็นมั้ยคะว่าจิตคนเรามีพลังมากขนาดไหน  เพียงแค่นึกคิดอะไรไร้สาระโดยไม่ตั้งใจยังทำให้เจ้าตัวเดือดร้อนได้เพียงนี้และถ้าตั้งใจล่ะจะได้รับผลเป็นอย่างไร ท่านผู้อ่านก็คงตอบเองได้นะคะ  และถ้าถูกพลังเร้นลับที่มีกำลังแก่กล้าปักหลักแฝงอยู่ในร่างกาย  นานวันเข้าเจ้าตัวก็จะเจ็บป่วยทางกายและทางจิตได้เหมือนกัน  เรื่องนี้ก็เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้แก่ลูกฉันและพวกเราท่านทั้งหลายเช่นกัน เราควรฝึกสติเพื่อไว้เป็นเครื่องคุ้มครองกาย วาจาและใจ  รู้จักสำรวมกาย วาจา ใจ ในทุกที่ทุกสถานแล้วชีวิตจะปลอดภัยจากสิ่งที่มองเห็นด้วยตาเปล่าและที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าด้วย  หวังว่าท่านคงจะได้ข้อคิดพอสมควรนะคะ