สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
ก่อนอื่นฉันต้องขอขอบคุณมาก ๆ ทุกท่านได้ที่ติดตามอ่านบทความในบล็อกนี้มาตลอด ถึงแม้จะไม่อ่านทุกเรื่อง ก็ไม่ว่ากันจ๊ะ ต่างคนต่างก็มีโลภมูลจิตไม่เหมือนกัน คือมีความยินดีพอใจ ติดข้องต้องการในสิ่งแตกต่างกันไป แล้วแต่เหตุปัจจัย หรือจะเรียกว่านานาจิตตังก็ไม่ผิด....
วันนี้ฉันได้ตั้งคำถามเป็นหัวเรื่องไว้ ถ้าจะรอให้ท่านผู้อ่านตอบกัน ฉันคงรอเก้อแน่ ๆ เลยขอตอบเองดีกว่ามันจะง่ายกว่าน่ะ ฉันคิดว่าหลายท่านคงจะสงสัยเหมือนกัน ว่ามนุษย์อย่างเรา ๆ นี่ สามารถที่จะสื่อติดต่อกับเทพหรือเทวดาได้ไหม ขอตอบว่า "ได้" ค่ะ เรื่องเกี่ยวกับเทพนี่เป็นเรื่องที่ละเอียด เพราะเหตุว่าเป็นเรื่องของนามธรรม มนุษย์ไม่สามารถเห็นเทพได้ด้วยตาธรรมดา ต้องเป็นผู้ที่มี "ทิพย์จักษุ" จึงจะสามารถเห็นได้ แต่เทพสามารถเห็นมนุษย์ได้ เทพในชั้นสูงสามารถเห็นเทพในชั้นหรือภพภูมิต่ำกว่า ลงมาจนถึงโลกมนุษย์ เพราะเหตุว่าเทพชั้นสูงมีทิพย์จักษุที่ละเอียดและประณีตกว่าเทพในชั้นต่ำ ๆ นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์และพลังจิตมากกว่าเทพในภูมิต่ำกว่าอีกด้วย
การที่เราจะนึกถึงเทพในภูมิต่าง ๆ ซึ่งมองด้วยตาไม่เห็นทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีจริง จะนึกคิดอย่างไร หรืออยากจะเห็นอยากจะพบก็เป็นเพียงแค่ความนึกคิดเท่านั้น เพราะว่าการที่จะเห็นเทพได้ จะต้องเป็นผู้มีญาณวิเศษเท่านั้น จึงจะสามารถติดต่อกับภพภูมิอื่นได้ และบุคคลนั้นก็จะต้องได้ฌานจิต ต้องมีความสามารถถึงขั้นรูปฌานและอรูปฌาน แล้วก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น จะต้องฝึกหัดและเจริญสมาธิอย่างสม่ำเสมอให้เกิดความชำนาญในการเข้าฌานได้อย่างแคล่วคล่อง ฝึกจนกระทั่งถึงขั้นได้ตาทิพย์หรือหูทิพย์ (ทิพยโสต) ด้วย
สำหรับผู้ที่อยากจะเห็นเทพหรือเทวดา การที่จะสามารถเห็นได้ดังปรารถนานั้น ก็จะต้องมีเหตุปัจจัยที่จะทำให้เห็นได้ ใช่ว่าอยู่ดี ๆ เทพจะมาปรากฏให้เห็น จะนึกคิดเท่าไรเทพก็ไม่มาให้เห็น นั่นก็เป็นเรื่องของคนที่อยากจะเห็น บางคนก็คิดหาวิธีกรรมต่าง ๆ ที่จะให้เทพมา ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องของเราที่จะไปขอร้องหรือเชิญให้เทพมา ต้องเป็นเรื่องของเทพ อย่างเรื่องของสานุสามเณรในพระไตรปิฏก ท่านประพฤติผิด มีจิตใจที่กระวนกระวายกระสับกระส่าย ร้อนรุ่มอยากจะสึก แม่ในอดีตชาติเป็นยักษ์ซึ่งมีฤทธิ์มาก มองเห็นสานุสามเณรด้วยทิพย์จักษุ รู้ว่าลูกชายในอดีตชาติมีความเดือดร้อนใจ จึงคิดว่าควรจะกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการช่วยลูกชายในอดีตชาติของตน เพื่อให้เลิกล้มความคิดที่จะสึก เธอจึงได้แสดงฤทธิ์ ด้วยการ "เข้าร่าง" เหมือนเข้าร่างของสานุสามเณร แต่ที่จริงแล้วเทพจะเข้าร่างคนไม่ได้เลย เพราะเหตุว่าจิตต่างกัน จิตจะเข้ามาซ้อนในจิตของผู้อื่นไม่ได้ แต่ว่าด้วยอำนาจและพลังของสมาธิ ก็สามารถทำให้มีกิริยาอาการที่เกิดทางกายปรากฏได้ เช่นทำให้คนนั้นมีอาการเป็นลมหมดแรงอย่างกระทันหัน บ้างก็มีการชัก หรือจะมีอาการแปลก ๆ อะไรก็แล้วแต่ หรือว่าจะมีเสียงพูดที่ผิดไปจากปกติ ก็เป็นเรื่องแล้วแต่เทพจะกระทำ ไม่ใช่เรื่องเราทำ ไม่ใช่เรานึกและต้องเป็นเรื่องที่มีเหตุผลสมควรที่เทพจะลงมา ถ้าไม่มีเหตุผลสมควร เทพก็ไม่มา เราไม่มีอิทธิพลหรืออำนาจใด ๆ ที่จะบังคับเทพใ ห้ทำโน่นทำนี่ตามที่เราต้องการได้
บางคนบอกว่ามีเทพมาหาบ่อย ๆ นี่ก็ได้ฟังแล้วก็ควรจะต้องพิจารณาว่า สมควรแก่เหตุหรือไม่ บางคนเชื่อง่าย พอได้ยินใครเล่าว่า มีเทวดามาหาเยอะแยะก็เชื่อแล้ว ไม่ได้คิดถึงเหตุว่า เขาพูดเช่นนั้นได้อย่างไร มีสติปัญญาแค่ไหน เขาผู้นั้นมีญาณวิเศษอะไร ที่จะทำให้ติดต่อหรือเห็นเทพได้ เพราะฉะนั้นฟังแล้วต้องพิจารณาด้วยว่า สมควรแก่เหตุหรือไม่....มนุษย์ติดต่อกับเทพได้จริง แต่ต้องเป็นผู้ที่ได้ฌานคือหมายถึงมีกำลังสมาธิแก่กล้านั่นเอง
ถ้าท่านผู้อ่านอยากจะเห็นเทพหรือเทวดา ก็จะต้องเริ่มฝึกเจริญสมาธิอย่างต่อเนื่องเสียแต่เดี๋ยวนี้ ต้องมีขันติและวิริยะช่วยเกื้อหนุนอย่างสมดุลย์กัน คุณธรรมทั้งสองนี้ มีความสำคัญต่อความสำเร็จในการกระทำกิจทั้งปวง และการที่จะฝึกสมาธิจนถึงขั้นได้ฌานจิตนั้น ก็จะต้องอาศัยบารมีเก่าที่เคยได้สะสมมาแล้วด้วย จึงจะถึงเป้าหมายได้ แต่อย่างไรก็ตามทุกคนมีการสะสมมาต่างกัน ความสามารถจึงต่างกันไปตามการสะสม.
...............................................
ก่อนอื่นฉันต้องขอขอบคุณมาก ๆ ทุกท่านได้ที่ติดตามอ่านบทความในบล็อกนี้มาตลอด ถึงแม้จะไม่อ่านทุกเรื่อง ก็ไม่ว่ากันจ๊ะ ต่างคนต่างก็มีโลภมูลจิตไม่เหมือนกัน คือมีความยินดีพอใจ ติดข้องต้องการในสิ่งแตกต่างกันไป แล้วแต่เหตุปัจจัย หรือจะเรียกว่านานาจิตตังก็ไม่ผิด....
วันนี้ฉันได้ตั้งคำถามเป็นหัวเรื่องไว้ ถ้าจะรอให้ท่านผู้อ่านตอบกัน ฉันคงรอเก้อแน่ ๆ เลยขอตอบเองดีกว่ามันจะง่ายกว่าน่ะ ฉันคิดว่าหลายท่านคงจะสงสัยเหมือนกัน ว่ามนุษย์อย่างเรา ๆ นี่ สามารถที่จะสื่อติดต่อกับเทพหรือเทวดาได้ไหม ขอตอบว่า "ได้" ค่ะ เรื่องเกี่ยวกับเทพนี่เป็นเรื่องที่ละเอียด เพราะเหตุว่าเป็นเรื่องของนามธรรม มนุษย์ไม่สามารถเห็นเทพได้ด้วยตาธรรมดา ต้องเป็นผู้ที่มี "ทิพย์จักษุ" จึงจะสามารถเห็นได้ แต่เทพสามารถเห็นมนุษย์ได้ เทพในชั้นสูงสามารถเห็นเทพในชั้นหรือภพภูมิต่ำกว่า ลงมาจนถึงโลกมนุษย์ เพราะเหตุว่าเทพชั้นสูงมีทิพย์จักษุที่ละเอียดและประณีตกว่าเทพในชั้นต่ำ ๆ นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์และพลังจิตมากกว่าเทพในภูมิต่ำกว่าอีกด้วย
การที่เราจะนึกถึงเทพในภูมิต่าง ๆ ซึ่งมองด้วยตาไม่เห็นทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีจริง จะนึกคิดอย่างไร หรืออยากจะเห็นอยากจะพบก็เป็นเพียงแค่ความนึกคิดเท่านั้น เพราะว่าการที่จะเห็นเทพได้ จะต้องเป็นผู้มีญาณวิเศษเท่านั้น จึงจะสามารถติดต่อกับภพภูมิอื่นได้ และบุคคลนั้นก็จะต้องได้ฌานจิต ต้องมีความสามารถถึงขั้นรูปฌานและอรูปฌาน แล้วก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น จะต้องฝึกหัดและเจริญสมาธิอย่างสม่ำเสมอให้เกิดความชำนาญในการเข้าฌานได้อย่างแคล่วคล่อง ฝึกจนกระทั่งถึงขั้นได้ตาทิพย์หรือหูทิพย์ (ทิพยโสต) ด้วย
สำหรับผู้ที่อยากจะเห็นเทพหรือเทวดา การที่จะสามารถเห็นได้ดังปรารถนานั้น ก็จะต้องมีเหตุปัจจัยที่จะทำให้เห็นได้ ใช่ว่าอยู่ดี ๆ เทพจะมาปรากฏให้เห็น จะนึกคิดเท่าไรเทพก็ไม่มาให้เห็น นั่นก็เป็นเรื่องของคนที่อยากจะเห็น บางคนก็คิดหาวิธีกรรมต่าง ๆ ที่จะให้เทพมา ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องของเราที่จะไปขอร้องหรือเชิญให้เทพมา ต้องเป็นเรื่องของเทพ อย่างเรื่องของสานุสามเณรในพระไตรปิฏก ท่านประพฤติผิด มีจิตใจที่กระวนกระวายกระสับกระส่าย ร้อนรุ่มอยากจะสึก แม่ในอดีตชาติเป็นยักษ์ซึ่งมีฤทธิ์มาก มองเห็นสานุสามเณรด้วยทิพย์จักษุ รู้ว่าลูกชายในอดีตชาติมีความเดือดร้อนใจ จึงคิดว่าควรจะกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการช่วยลูกชายในอดีตชาติของตน เพื่อให้เลิกล้มความคิดที่จะสึก เธอจึงได้แสดงฤทธิ์ ด้วยการ "เข้าร่าง" เหมือนเข้าร่างของสานุสามเณร แต่ที่จริงแล้วเทพจะเข้าร่างคนไม่ได้เลย เพราะเหตุว่าจิตต่างกัน จิตจะเข้ามาซ้อนในจิตของผู้อื่นไม่ได้ แต่ว่าด้วยอำนาจและพลังของสมาธิ ก็สามารถทำให้มีกิริยาอาการที่เกิดทางกายปรากฏได้ เช่นทำให้คนนั้นมีอาการเป็นลมหมดแรงอย่างกระทันหัน บ้างก็มีการชัก หรือจะมีอาการแปลก ๆ อะไรก็แล้วแต่ หรือว่าจะมีเสียงพูดที่ผิดไปจากปกติ ก็เป็นเรื่องแล้วแต่เทพจะกระทำ ไม่ใช่เรื่องเราทำ ไม่ใช่เรานึกและต้องเป็นเรื่องที่มีเหตุผลสมควรที่เทพจะลงมา ถ้าไม่มีเหตุผลสมควร เทพก็ไม่มา เราไม่มีอิทธิพลหรืออำนาจใด ๆ ที่จะบังคับเทพใ ห้ทำโน่นทำนี่ตามที่เราต้องการได้
บางคนบอกว่ามีเทพมาหาบ่อย ๆ นี่ก็ได้ฟังแล้วก็ควรจะต้องพิจารณาว่า สมควรแก่เหตุหรือไม่ บางคนเชื่อง่าย พอได้ยินใครเล่าว่า มีเทวดามาหาเยอะแยะก็เชื่อแล้ว ไม่ได้คิดถึงเหตุว่า เขาพูดเช่นนั้นได้อย่างไร มีสติปัญญาแค่ไหน เขาผู้นั้นมีญาณวิเศษอะไร ที่จะทำให้ติดต่อหรือเห็นเทพได้ เพราะฉะนั้นฟังแล้วต้องพิจารณาด้วยว่า สมควรแก่เหตุหรือไม่....มนุษย์ติดต่อกับเทพได้จริง แต่ต้องเป็นผู้ที่ได้ฌานคือหมายถึงมีกำลังสมาธิแก่กล้านั่นเอง
ถ้าท่านผู้อ่านอยากจะเห็นเทพหรือเทวดา ก็จะต้องเริ่มฝึกเจริญสมาธิอย่างต่อเนื่องเสียแต่เดี๋ยวนี้ ต้องมีขันติและวิริยะช่วยเกื้อหนุนอย่างสมดุลย์กัน คุณธรรมทั้งสองนี้ มีความสำคัญต่อความสำเร็จในการกระทำกิจทั้งปวง และการที่จะฝึกสมาธิจนถึงขั้นได้ฌานจิตนั้น ก็จะต้องอาศัยบารมีเก่าที่เคยได้สะสมมาแล้วด้วย จึงจะถึงเป้าหมายได้ แต่อย่างไรก็ตามทุกคนมีการสะสมมาต่างกัน ความสามารถจึงต่างกันไปตามการสะสม.
...............................................