Friday, August 3, 2012

มนุษย์ติดต่อกับเทพได้ไหม

สวัสดีค่ะ  ท่านผู้อ่านทุกท่าน

ก่อนอื่นฉันต้องขอขอบคุณมาก ๆ  ทุกท่านได้ที่ติดตามอ่านบทความในบล็อกนี้มาตลอด  ถึงแม้จะไม่อ่านทุกเรื่อง ก็ไม่ว่ากันจ๊ะ  ต่างคนต่างก็มีโลภมูลจิตไม่เหมือนกัน คือมีความยินดีพอใจ ติดข้องต้องการในสิ่งแตกต่างกันไป แล้วแต่เหตุปัจจัย หรือจะเรียกว่านานาจิตตังก็ไม่ผิด....

วันนี้ฉันได้ตั้งคำถามเป็นหัวเรื่องไว้  ถ้าจะรอให้ท่านผู้อ่านตอบกัน  ฉันคงรอเก้อแน่ ๆ  เลยขอตอบเองดีกว่ามันจะง่ายกว่าน่ะ  ฉันคิดว่าหลายท่านคงจะสงสัยเหมือนกัน ว่ามนุษย์อย่างเรา ๆ นี่  สามารถที่จะสื่อติดต่อกับเทพหรือเทวดาได้ไหม  ขอตอบว่า "ได้" ค่ะ เรื่องเกี่ยวกับเทพนี่เป็นเรื่องที่ละเอียด  เพราะเหตุว่าเป็นเรื่องของนามธรรม  มนุษย์ไม่สามารถเห็นเทพได้ด้วยตาธรรมดา ต้องเป็นผู้ที่มี "ทิพย์จักษุ" จึงจะสามารถเห็นได้  แต่เทพสามารถเห็นมนุษย์ได้  เทพในชั้นสูงสามารถเห็นเทพในชั้นหรือภพภูมิต่ำกว่า ลงมาจนถึงโลกมนุษย์  เพราะเหตุว่าเทพชั้นสูงมีทิพย์จักษุที่ละเอียดและประณีตกว่าเทพในชั้นต่ำ ๆ  นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์และพลังจิตมากกว่าเทพในภูมิต่ำกว่าอีกด้วย

การที่เราจะนึกถึงเทพในภูมิต่าง ๆ ซึ่งมองด้วยตาไม่เห็นทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีจริง  จะนึกคิดอย่างไร หรืออยากจะเห็นอยากจะพบก็เป็นเพียงแค่ความนึกคิดเท่านั้น  เพราะว่าการที่จะเห็นเทพได้  จะต้องเป็นผู้มีญาณวิเศษเท่านั้น  จึงจะสามารถติดต่อกับภพภูมิอื่นได้  และบุคคลนั้นก็จะต้องได้ฌานจิต ต้องมีความสามารถถึงขั้นรูปฌานและอรูปฌาน  แล้วก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น  จะต้องฝึกหัดและเจริญสมาธิอย่างสม่ำเสมอให้เกิดความชำนาญในการเข้าฌานได้อย่างแคล่วคล่อง  ฝึกจนกระทั่งถึงขั้นได้ตาทิพย์หรือหูทิพย์ (ทิพยโสต) ด้วย

สำหรับผู้ที่อยากจะเห็นเทพหรือเทวดา  การที่จะสามารถเห็นได้ดังปรารถนานั้น  ก็จะต้องมีเหตุปัจจัยที่จะทำให้เห็นได้  ใช่ว่าอยู่ดี ๆ  เทพจะมาปรากฏให้เห็น จะนึกคิดเท่าไรเทพก็ไม่มาให้เห็น นั่นก็เป็นเรื่องของคนที่อยากจะเห็น  บางคนก็คิดหาวิธีกรรมต่าง ๆ ที่จะให้เทพมา  ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องของเราที่จะไปขอร้องหรือเชิญให้เทพมา  ต้องเป็นเรื่องของเทพ  อย่างเรื่องของสานุสามเณรในพระไตรปิฏก  ท่านประพฤติผิด มีจิตใจที่กระวนกระวายกระสับกระส่าย ร้อนรุ่มอยากจะสึก  แม่ในอดีตชาติเป็นยักษ์ซึ่งมีฤทธิ์มาก มองเห็นสานุสามเณรด้วยทิพย์จักษุ  รู้ว่าลูกชายในอดีตชาติมีความเดือดร้อนใจ จึงคิดว่าควรจะกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการช่วยลูกชายในอดีตชาติของตน  เพื่อให้เลิกล้มความคิดที่จะสึก เธอจึงได้แสดงฤทธิ์ ด้วยการ "เข้าร่าง"  เหมือนเข้าร่างของสานุสามเณร   แต่ที่จริงแล้วเทพจะเข้าร่างคนไม่ได้เลย  เพราะเหตุว่าจิตต่างกัน  จิตจะเข้ามาซ้อนในจิตของผู้อื่นไม่ได้  แต่ว่าด้วยอำนาจและพลังของสมาธิ ก็สามารถทำให้มีกิริยาอาการที่เกิดทางกายปรากฏได้  เช่นทำให้คนนั้นมีอาการเป็นลมหมดแรงอย่างกระทันหัน บ้างก็มีการชัก  หรือจะมีอาการแปลก ๆ  อะไรก็แล้วแต่  หรือว่าจะมีเสียงพูดที่ผิดไปจากปกติ  ก็เป็นเรื่องแล้วแต่เทพจะกระทำ  ไม่ใช่เรื่องเราทำ  ไม่ใช่เรานึกและต้องเป็นเรื่องที่มีเหตุผลสมควรที่เทพจะลงมา  ถ้าไม่มีเหตุผลสมควร เทพก็ไม่มา  เราไม่มีอิทธิพลหรืออำนาจใด ๆ ที่จะบังคับเทพใ ห้ทำโน่นทำนี่ตามที่เราต้องการได้

บางคนบอกว่ามีเทพมาหาบ่อย ๆ นี่ก็ได้ฟังแล้วก็ควรจะต้องพิจารณาว่า สมควรแก่เหตุหรือไม่  บางคนเชื่อง่าย  พอได้ยินใครเล่าว่า มีเทวดามาหาเยอะแยะก็เชื่อแล้ว ไม่ได้คิดถึงเหตุว่า  เขาพูดเช่นนั้นได้อย่างไร มีสติปัญญาแค่ไหน  เขาผู้นั้นมีญาณวิเศษอะไร ที่จะทำให้ติดต่อหรือเห็นเทพได้  เพราะฉะนั้นฟังแล้วต้องพิจารณาด้วยว่า  สมควรแก่เหตุหรือไม่....มนุษย์ติดต่อกับเทพได้จริง  แต่ต้องเป็นผู้ที่ได้ฌานคือหมายถึงมีกำลังสมาธิแก่กล้านั่นเอง

ถ้าท่านผู้อ่านอยากจะเห็นเทพหรือเทวดา  ก็จะต้องเริ่มฝึกเจริญสมาธิอย่างต่อเนื่องเสียแต่เดี๋ยวนี้  ต้องมีขันติและวิริยะช่วยเกื้อหนุนอย่างสมดุลย์กัน  คุณธรรมทั้งสองนี้ มีความสำคัญต่อความสำเร็จในการกระทำกิจทั้งปวง  และการที่จะฝึกสมาธิจนถึงขั้นได้ฌานจิตนั้น ก็จะต้องอาศัยบารมีเก่าที่เคยได้สะสมมาแล้วด้วย  จึงจะถึงเป้าหมายได้  แต่อย่างไรก็ตามทุกคนมีการสะสมมาต่างกัน ความสามารถจึงต่างกันไปตามการสะสม.


                                         ...............................................