Friday, September 26, 2014

จิต (๑)


คำอธิบายคำว่า  "จิต"  ในอัฏฐสาลินี  จิตตุปปาทกัณฑ์มีต่อไปนี้ว่า

คำว่า  "จิตฺตํ"    ที่ชื่อว่า  "จิต"  เพราะอรรถว่า  คิด  อธิบายว่า  รู้แจ้งอารมณ์  อีกอย่างหนึ่งเพราะเหตุที่ศัพท์ว่า  "จิตฺตํ"  นี้  ทั่วไปแก่จิตทุกดวง  ฉะนั้น  คำว่า  "จิตฺตํ"  นี้โลกิยกุศลจิต  อกุศลจิตและมหากิริยาจิต  จึงชื่อว่า  "จิต"  เพราะสั่งสมสันดานของตนด้วยสามารถแห่งชวนวิถี  ชื่อว่า  "จิต"  เพราะธรรมชาติอันกรรม  กิเลส  สั่งสมวิบาก  อนึ่งแม้จิตทุกดวงชื่อว่า  "จิต"  เพราะเป็นธรรมชาติวิจิตรตามสมควร  ชื่อว่า  "จิต"  เพราะกระทำให้วิจิตร

ถ้าศึกษาจากตำรารุ่นหลังๆ  ที่มีผู้รวบรวมไว้ก็จะทราบว่า  อรรถของจิต ๖ ประเภท  ที่กล่าวไว้ในตำรารุ่นหลังๆ  นั้นมาจากข้อความในอัฏฐสาลินี  อรรถกถาธัมมสังคณีปกรณ์  ซึ่งอธิบายคำว่า  "จิต"  ที่สามารถจะแยกออกได้เป็นข้อ ๆ  คือ

ชื่อว่า  "จิต"  เพราะอรรถว่า  คิด  อธิบายว่า  เพราะรู้แจ้งอารมณ์ ๑

ชื่อว่า  "จิต"  เพราะสั่งสมสันดานของตนด้วยสามารถแห่งชวนวิถี ๑

ชื่อว่า  "จิต"  เพราะเป็นธรรมชาติอันกรรม  กิเลส  สั่งสมวิบาก ๑

ชื่อว่า  "จิต"  เพราะธรรมชาติวิจิตรตามสมควร ๑  (ข้นี้  ส่วนมากในตำรารุ่นหลังแยกเป็น ๒  คือ  เพราะวิจิตรด้วยอารมณ์ ๑  และเพราะวิจิตรด้วยสัมปยุตธรรม ๑)

ชื่อว่า  "จิต"  เพราะกระทำให้วิจืตร ๑

ซึ่งก็จะขอกล่าวถึงตามลำดับ  เพื่อที่จะให้เข้าใจลักษณะของจิตตามที่กล่าวไว้ในอัฏฐสาลินี

ที่ชื่อว่า  "จิต"  เพราะอรรถว่า  "คิด"  อธิบายว่า  รู้แจ้งอารมณ์ทุกท่านคิดเสมอ  ถ้าสังเกตพิจารณาความคิด  ก็จะเห็นได้ว่าช่างคิดเสียจริง  และคิดไปต่าง ๆ  นานา  ไม่มีทางยุติความคิดได้เลย  จนกระทั่งบางท่านไม่อยากจะคิด  อยากจะสงบ ๆ  คือ  หยุดไม่คิด  เพราะเห็นว่าเมื่อคิดแล้วก็เดือดร้อนใจ  เป็นห่วง  วิตกกังวลกระสับกระส่าย  ด้วยโลภะบ้าง  หรือด้วยโทสะบ้าง  และเข้าใจว่า  ถ้าไม่คิดเสียได้ก็จะดี  แต่ให้ทราบว่า  จิตนั่นเองเป็นสภาพธรรมที่คิด  รูปธรรมคิดไม่ได้  เมื่อพิจารณาเรื่องที่จิตคิด  ก็จะรู้ได้ว่า  เพราะเหตุใดจิตจึงคิดเรื่องนั้น ๆ  ซึ่งบางครั้งไม่น่าจะคิดอย่างนั้นเลย  ตามปกติจิตย่อมเกิดขึ้นคิดไปในเรื่องของสิ่งที่ปรากฏทางตาบ้าง  ทางหูบ้าง  ทางจมูกบ้าง  ทางลิ้นบ้าง  ทางกายบ้าง  ทางใจบ้างอยู่เรื่อย ๆ  จนเห็นว่าเป็นเรื่องราวจริงจัง  แต่ที่เห็นว่าเป็นเรื่องราวจริงจังทั้งหมดนั้น  ก็เป็นเพียงเพราะจิตเกิดขึ้นคิดเรื่องนั้นแล้วก็ดับไปเท่านั้นเอง  ซึ่งถ้าเพียงจิตไม่คิดถึงเรื่องนั้นเท่านั้น  เรื่องนั้นก็จะไม่มี

ข้อความในอัฏฐสาลินีว่า  ที่ชื่อว่า  "จิต"  เพราะอรรถว่า  คิด  อธิบายว่า  รู้แจ้งอารมณ์

สภาพ  "รู้"  มีลักษณะต่างกันตามประเภทของสภาพธรรมนั้น ๆ  เช่น  เจตสิก  ก็เป็นสภาพธรรมที่รู้อารมณ์แต่ไม่เป็นใหญ่ในการรู้อารมณ์  เจตสิกแต่ละประเภทเกิดขึ้นพร้อมกับจิต  รู้อารมณ์เดียวกับจิต  แต่ว่ากระทำกิจเฉพาะของเจตสิกนั้น ๆ  เช่น  ผัสสเจตสิกเกิดร่วมกับจิต  พร้อมกับจิต  แต่ผัสสเจตสิกเป็นสภาพธรรมที่รู้อารมณ์  โดยกระทบอารมณ์  ซึ่งถ้าผัสสเจตสิกไม่รู้อารมณ์ก็ย่อมไม่กระทบอารมณ์  ฉะนั้น  ผัสสเจตสิกจึงรู้อารมณ์เพียงโดยกระทบอารมณ์  แต่ไม่ใช่รู้แจ้งอารมณ์  ปัญญาเจตสิกเป็นสภาพธรรมที่รู้ธรรมเห็นธรรมถูกต้องตามความเป็นจริง  เช่น  รู้ลักษณะที่ไม่ใช่ตัวตน  สัตว์  บุคคล  ของสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา  ทางหู  ทางจมูก  ทางลิ้น  ทางกาย  ทางใจ  แต่จิตซึ่งเป็นสภาพรู้นั้น  มีคำอธิบายว่า  รู้แจ้งอารมณ์  จึงไม่ใช่การรู้อย่างผัสสะที่กระทบอารมณ์  ไม่ใช่การรู้อย่างสัญญาที่จำหมายลักษณะของอารมณ์  ไม่ใช่การรู้อย่างปัญญา  แต่จิตเป็นสภาพที่รู้แจ้งในลักษณะต่าง ๆ  ของอารมณ์ที่ปรากฏ  สิ่งที่กำลังปรากฏทางตาในขณะนี้ต่างกันไหม  สภาพธรรมเป็นสัจจธรรม  เป็นสิ่งซึ่งพิสูจน์ได้  ขณะนี้เห็นสิ่งเดียว  สีเดียวหมด  หรือเห็นสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นสีต่าง ๆ  อย่างละเอียดจนทำให้รู้ความต่างกันได้ว่า  สิ่งที่เห็นนั้นเป็นเพชรแท้  หรือเพชรเทียมเป็นต้น


.............................


จาก   หนังสือปรมัตถธรรมสังเขป  จิจจสังเขป  และภาคผนวก
โดย   สุจินต์  บริหารวนเขตต์