พลังธรรมจักร เป็นพลังจิตที่พิเศษชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่า "ธรรมจักร" เพราะอาศัยภาพวงล้อเหมือนพระธรรมจักร เป็นอุปกรณ์ในการฝึก หรือถ้านึกไม่ออกว่าจะวาดวงล้ออย่างไร ก็ใช้ดูรูปภาพข้างบนนี้ก็ได้ "พระธรรมจักร" คือคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ฝึกจะต้องปฏิบัติตน ตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ทาน ศีล ภาวนา ปฏิบัติจนเป็นปกตินิสัย การฝึกพลังธรรมจักรจึงจะได้ผล พลังนี้จะให้คุณในทางบวกเท่านั้น ถ้าหากนำไปใช้ในทางลบ ก็จะเสื่อมในที่สุด
ประโยชน์ของพลังธรรมจักร ใช้รักษาโรคปวดเมื่อยตามข้อกระดูกทุกส่วน แก้ปวดศีรษะ ปรับธาตุให้สมดุลย์กัน ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บดีขึ้น และป้องกันคุณไสยต่าง ๆ
วิธีฝึกพลังธรรมจักร
๑. สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย สวดอิติปิโส ๓ คาบ
๒. ทำลมปราณสมาธิประมาณ ๑๐ นาที
๓. ออกจากสมาธิลมปราณแล้ว เปลี่ยนอิริยาบถเป็นยืน เท้าทั้งสองข้างชิดกัน แขนทั้งสองข้างแนบลำตัวแบบสบาย ๆ
๔. จินตนาการ วาดภาพด้วย "จิต" วาดวงล้อขึ้นมาหนึ่ง เพื่อสำหรับเป็นที่อยู่ของจิต วงล้อนี้เป็นสีเหลืองทอง หมายถึงความสว่างและพลังแก่กล้าแห่งจิต
๕. ยืนอยู่ในท่าสำรวม แล้วอาราธนาวงล้อธรรมจักร ประทับลงที่กลางกระหม่อม
๖. กำหนดจิตอยูที่วงล้อธรรมจักร แล้วค่อย ๆ หมุนเริ่มจากขวาไปซ้าย เคลื่อนไปรอบศีรษะ เคลื่อนลงไปเรื่อย ๆ จนถึงข้อเท้า ลักษณะของวงล้อนี้จะขยายใหญ่และเล็กได้ จะหมุนรอบตัวเหมือนหมุนห่วงยาง ถ้ารู้สึกเจ็บปวดตรงส่วนไหนของร่างกาย ก็ให้หมุนซ้ำตรงนั้น จะได้ผลเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับพลังจิตด้วย
พอหมุนจนถึงสุดข้อเท้า แล้วก็หมุนขึ้นช้า ๆ จนถึงบนกลางกระหม่อม เป็นจบรอบที่ ๑
๗. รอบที่ ๒. เคลื่อนล้อธรรมจักรอย่างช้าลงไปจนถึงตรงไหล่ แล้วหมุนลงไปที่แขนข้างขวาจนสุดข้อแขน แล้วหมุนกลับขึ้นมาจนถึงไหล่ แล้วหมุนลงที่แขนซ้ายเช่นกัน
๘. พอหมุนรอบแขนทั้งสองข้างเสร็จแล้ว ให้หมุนซ้ำอยู่ที่ไหล่ แล้วเคลื่อนลงไปถึงสะโพก หมุนลงที่ขาขวาจนสุดข้อเท้า จากนั้นก็หมุนกลับขึ้นมาจนถึงสะโพก แล้วก็หมุนลงขาซ้ายทำเช่นเดียวกันอีก เสร็จแล้วก็หมุนขึ้นไปจนถึงกลางกระหม่อมอีกครั้ง เป็นจบรอบที่ ๒ และจบหลักสูตรวิชา "พลังธรรมจักร"
ข้อควรสังเกต...พลังนี้ถ้าฝึกอย่างสม่ำเสมอ วงล้อนี้จะมีพลังมาก จนสามารถทำงานเองได้ เช่นเวลาปวดตรงส่วนไหน เขาก็จะหมุนซ้ำเองโดยอัตโนมัติตรงส่วนนั้น ๆ และถ้าจิตมีพลังมากขึ้น เขาก็จะทำงานเองเช่นกัน ไม่ต้องมีการกำหนดใด ๆ เขาจะหมุนเองได้อย่างอัศจรรย์ และสามารถถ่ายพลังช่วยรักษาบรรเทาทุกข์กายให้ผู้อื่นก็ได้ ทางที่ดีก็ฝึกไว้ เพื่อประโยชน์ส่วนตัวให้เก่งซะก่อน แล้วจึงค่อยเอื้อเฟื้อผู้อื่นจะดีกว่า แต่อย่างไรก็ตาม วิชานี้เป็นเพียงการเพิ่มพลังจิตเพื่อสุขภาพเท่านั้น ดังนั้นจึงให้ระลึกเสมอว่าเป็นเรื่องของจิตทำงาน ไม่ใช่ตัวเราของเรา พลังจิตเป็นนามธรรม เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา......เป็นไงบ้างค่ะ อ่านแล้วงงเต๊กหรือปล่าวจ๊ะ สงสัยถามได้เลย ไม่ต้องอายนะ การฝึกแรก ๆ ก็จะยากหน่อย ทำบ่อย ๆ ก็จะเก่งเองจ๊ะ ขอให้มีพลังจิตที่มีประสิทธิภาพยิ่งทุกท่านนะคะ