Tuesday, June 7, 2011

พลังนาคะ


สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน  "เรื่องพลังนาคะหรือพลังงู"  ที่ฉันจะนำมาเล่าในวันนี้ เป็นประสบการณ์ตรงของฉันเอง ก็เหมือนกับในบทความก่อน ๆ มันเป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก อาศัยมีความศรัทธาในความสามารถของตนเอง  คือมีความเชื่อว่าเราจะต้องทำได้  ต้องให้กำลังใจแก่ตนเองเสมอ ถ้าคิดดูถูกตัวเอง ว่าไม่มีบุญบารมีเหมือนคนอื่น นั่นก็คือการยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นเลย  ต้องมีฉันทะ คือความเต็มใจที่จะศึกษาและฝึกหัด แล้วก็ต้องตามด้วยวิริยะและขันติช่วยด้วย   และสิ่งที่จะขาดไม่ได้ในการศึกษาเล่าเรียนต่าง ๆ คือต้องพิจารณาไตร่ตรอง ว่าสิ่งที่ได้เรียนหรือปฏิบัตินั้นถูกต้องและเป็นประโยชน์กับตนหรือไม่ คุณธรรมเหล่านี้ทุกท่านมีอยู่แล้วโดยการสะสมของจิต ส่วนจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่นั้นบังคับกันไม่ได้ เพราะทุกอย่างเป็นธรรมะ และธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา


พลังนาคะหรือพลังงู เป็นพลังที่พิเศษไม่เหมือนพลังอื่น ๆ  ถ้าผู้ใดสามารถฝึกจนได้ผลสำเร็จก็จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์แก่ตนเอง  และผู้อื่นได้อย่างมากมายเหลือเชื่อ เมื่อมีพลังนี้แล้วไม่หลงตนว่าวิเศษกว่าผู้อื่น ท่านก็จะมีพลังยิ่ง ๆ ขึ้น หากหลงตนและนำพลังนี้ไปใช้ในทางอกุศล  พลังก็จะเสื่อมไปอย่างรวดเร็ว  "พลังงู" ช่วยทำให้สุขภาพแข็งแรง ทำงานหนักได้นานไม่เหนื่อยเร็ว และมีสมาธิตั้งหมั่นได้นาน

วิธีฝึกพลังงู  วิธีฝึกก็จะคล้าย ๆ กับการฝึกลมปราณ แต่สลับซับซ้อนนิดหน่อย  ฉันชอบฝึกแบบสบาย ๆ ไม่มีครูบาอาจารย์สอนหรอกนะ  ฝึกเองไม่ยุ่งยากมาก  อุปกรณ์สำหรับฝึกก็คือ ก้อนหินก้อนกลม ๆ หลายก้อน ก้อนหินที่เขาใช้วางเรียงกันน้ำกระเด็นใส่ฝาพนังบ้านเวลาฝนตกไง  บ้านเมืองนอกเขาจะมีกันทุกบ้าน ไม่ทราบนะ หากไม่มีก็หากันเองก็แล้วกัน นำมาใช้สำหรับเดินนวดเท้า ถ้าถามว่าไม่ใช้ก้อนหินจะได้มั้ย ขอตอบว่าไม่ได้ค่ะ เพราะเราต้องการรับพลังจากก้อนหินโดยตรง ขั้นตอนการฝึกมีดังนี้

๑. ต้องเดินบนก้อนหินสัก ๕-๑๐ นาที ควรฝึกอย่างสม่ำเสมอ
๒ .นั่งกับพื้นแล้วนวดเท้าทีละข้าง ๆ ละ  ๕ นาที
๓. นั่งขัดสมาธิแบบสบาย ๆ  หายใจออกให้สุด แล้วหายใจเข้าช้า ๆ จากนั้นก็หายใจเข้าแล้วกลั้นลมไว้นานจนทนไม่ไหวแล้วปล่อยออก ทำสัก ๕ นาที สำหรับฝึกวันแรก แล้วค่อย ๆ เพิ่มเวลามากขึ้นเรื่อย ๆ ปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอด้วย กำหนด"รู้" อยู่ที่ลมหายใจเข้าออก
๔. หายใจเข้าทางจมูก แล้วหายใจออกทางปาก ทำสลับกันเช่นนี้ ทำสัก ๕ นาที
๕. หายใจเข้าทางปาก แล้วหายใจออกทางจมูก ทำสัก ๕ นาที

ตอนที่ฉันฝึกพลังงูครั้งแรกนั้น ยังไม่มีปรากฏการณ์อะไรหรอกนะ พอทำไปเรื่อย ๆ ไม่นานนักราวครั้งที่ ๔ เริ่มมีความประหลาดเกิดขึ้น เวลานวดที่เท้าจะมีลมออกทางปาก กดที่ฝ่าเท้าตรงไหนก็มีลมออกทุกครั้ง ทางปาก และยังมีเสียงพ่นลมเหมือนงูเห่าด้วยนะ ฉันตกใจมาก คิดว่าปอดรั่วแน่เลย สามีบอกว่าต้องพาไปหาหมอ ฉันก็ตกลงไปหาหมอประจำตัว หมอตรวจเช็คทุกอย่างปกติดี แต่ก็ยังไม่หายสงสัย  จึงไปหาหมอผู้เชี่ยวชาญโรคปอด ก็ไปเข้าตู้วัดระบบการหายใจ เขามีเครื่องคอมพิวเตอร์ตรวจ เราจะมองเห็นเส้นกราฟปรากฎที่จอ  เห็นการทำงานของปอดเป็นอย่างไร หมอทำการสาธิตให้ดูก่อน พอฉันหายใจพรืดเดียว  กราฟมันแล่นสูงมากเลย  กราฟของหมอยังสู้ไม่ได้เลยนะ หมองงและสงสัย..คนตัวเล็ก ๆ ทำไมถึงมีพลังเยอะจัง  เขาถามว่า "เธอไปทำอะไรมา ทำไมพลังถึงมากกว่าธรรมดา ไม่น่าเชื่อ" ฉันก็บอกว่า "ฉันไม่ได้ทำอะไรพิเศษ ฉันทำแค่สมาธิเท่านั้น แต่มันผิดปกติที่มีลมออกเวลาฉันกดที่เท้า" หมอถึงบ้างอ้อเลยที่นี้ เขาบอกว่าเขารู้จักพลังนี้ แถมชมอีกว่า "ฝึกได้เก่งมาก" ฉันก็กล่าวขอบคุุณที่ชม ในใจคิดว่า "เก่งอะไรกัน ฉันจะแย่อยู่แล้ว พ่นลมจนจะหมดแรงแล้วนะ"  หมอได้เขียนรายงานการตรวจปอดและ เขียนใบรับรอง ว่าปอดปกติดี ฉันได้ลองปรึกษากับพระอาจารย์ผู้เก่งทางด้านพลังต่าง ๆ ท่านก็ขำหัวเราะฉัน  ที่เอาอะไรแปลก ๆ มาเล่า ไม่มีใครบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ฉันก็เลยคิดว่า "เป็นไงเป็นกัน เราไม่กลัวซะอย่าง" จึงได้ฝึกไปเรื่อย ๆ อย่างสม่ำเสมอจนในที่สุดอาการพ่นลมเลิกไปเอง  แต่เปลี่ยนสไตล์ใหม่ เวลานั่งสมาธิจะมีกลิ่นสาบโคลนรอบตัว แล้วก็จะมีอาการเหมือนมีอะไรเลื้อยเหมือนงูเข้ามาที่เท้า บางครั้งถ้าฝนตกก็จะมีอาการจามเหมือนเป็นหวัดในขณะนั่งเจริญสมาธิ บางครั้งจะเห็นการเลื้อยขึ้นมาที่น่องจนเห็นนูนเป็นลูกกลม ๆ ปวดน่าดู  กำหนดดู "ปวด"ไปเรื่อย ๆ จนหายปวด จะมีอาการเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ทรมานสุด ๆ แต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้นะ ตัณหายังมีอยู่ ไม่รูทราบจะรีบร้อนไปไหน คิดว่าขอสัมผัสอะไรแปลก ๆ ก่อน แล้วจึงจะศึกษาและฝึกเข้าสู่ทางอริยมรรค

เรื่องยังไม่จบค่ะ  เกิดอาการผิดปกติอีกแล้ว ทีนี้จิตมีพลังเกินคาด เวลาไปจับต้นไม้หรือใบไม้จะสามารถสื่อกันได้ จะมีเสียงพูดออกมาเอง โดยผ่านฉัน ซึ่งฉันเองทราบดีว่า มันไม่ใช่จิตของตนเอง  เลยทำให้ไม่กล้าจับต้นไม้ใบไม้อยู่หลายวัน เพราะเกิดความกลัวว่าจะมีเสียงพูดแปลก ๆ  อีก  แต่พอได้พิจารณาไตร่ตรงอให้ดีอีกที ฉันพบว่ามันไม่น่ากลัวเลย ถ้าคุยกันได้รู้เรื่องก็น่าจะดีนะ ฉันจึงทดสอบพลัง ด้วยการลองสนทนารุกขเทวดา จนในที่สุดสื่อกันได้รู้เรื่อง รุกขเทวดาสวิสพูดภาษาเยอรมันและภาษาไทยก็ได้ด้วย หตอนแรก ๆ ก็พูดภาษาเทวดา นอกจากนั้นยังสื่อคุยกับสัตว์ได้อีกด้วย ไม่เชื่อง่าย ๆ ไร้เหตุผลนะคะ ต้องลองพิสูจน์เองแล้วจะทราบว่ามันจริงอย่างที่เล่า พลังงูนี้มีประโยชน์มากค่ะ เป็นที่มาของการพิสูจน์เรื่องโลกวิญญาณด้วยนะ และยังเป็นที่มาของการสื่อวิญญาณต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี  เมื่อก่อนฉันเป็นคนกลัวผี เดี๋ยวนี้มีผีเป็นมิตรที่ดีต่อกัน  ฉันคิดว่าประสบการณ์นี้ควรนำมาถ่ายทอด เผื่อว่าจะมีผู้สนใจอยากลองศึกษาแล้วฝึกดู ถ้าท่านฝึกได้ผลดีก็อย่าลืมเขียนมาเล่าสู่กันฟังบ้างเน้อ  ขอยุติเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ ขอโชคดีจงเป็นของทุกท่านเทอญ