Saturday, September 24, 2011

พลังจักระ (๓)




ประโยชน์ของการเรียนรู้เกี่ยวกับพลังจักระ

๑. พลังจักระสามารถช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคภัยได้
๒. พลังจักระสามารถช่วยเสริมสร้างพลังกายทุกส่วนให้แข็งแรง
๓. พลังจักระสามารถใช้รักษาโรคให้ตนเองและผู้อื่นได้
๔. พลังจักระสามารถช่วยเสริมสร้างพลังจิต ให้เกิดจิตใต้สำนึก ที่เป็นกุศลหรือพลังบวก
๕. พลังจักระสามารถช่วยเสริมหรือแผ่ให้แก่ผู้อื่น ที่มีร่างกายอ่อนแอกว่าได้ ยิ่งแผ่ให้ผู้อื่นมากก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะเหตุว่าขณะที่แผ่ให้ผู้อื่นนั้น ทั้งผู้ให้และผู้รับพลังจะต้องมีจิตที่สงบตั้งมั่น จึงทำใให้เกิดความปีติ และความสุข เพราะว่าร่างกายจะหลั่งสารสุขออกมา จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายมีร่างกายและจิตใจสบายเบิกบานและแข็งแรง

วิธีฝึกเสริมพลังจักระ
๑. สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยและตั้งนะโม ๓ จบ

๒. นั่งขัดสมาธิ, นับ ๑ พร้อมกับหายใจออกช้า ๆ ให้ลมออกจนหมด ....นับ ๒ หายใจเข้าช้า ๆ จนถึงก้นกบ .....  ทำเช่นนี้และนับไปด้วยจนได้ ๑๐๐ ครั้ง....นี่เป็นวิธีการเตรียมความพร้อมทางกายและใจ

๓. ยังนั่งอยู่ในท่าเดิม.....ละจากการนับ.....เริ่มกำหนดจิตอยู่ที่ศูนย์พลังจักระที่ ๗....พลังสีม่วงซึ่งอยู่ตรงกลางกระหม่อม....นึกถึงวงล้อที่มีสี "ม่วง" วางอยู่บนกลางกระหม่อม.....แล้วหมุนวงล้อสีม่วงนี้ด้วยจิต....เริ่มหมุนไปตามเข็มนาฬิกา หมุนไปเรื่อย ๆ ....ในระยะแรก ๆ อาจจะหมุนช้าบ้าง หรือเร็วบ้างไม่ได้ระดับสม่ำเสมอ ก็ไม่ต้องกังวลเพราะว่าในระยะแรก ๆ จิตยังมีอารมณ์ฟุ้งซ่านบ้างเป็นธรรมดาสำหรับผู้ฝึกใหม่....เมื่อจิตมีสมาธิตั้งมั่นขึ้น ก็จะเห็นว่า "ล้อสีม่วง" เริ่มหมุนด้วยความเร็วช้าาลงและสม่ำเสมอ....ในที่สุดจะเห็นล้อสีม่วงชัดเจนขึ้น

๔. เมื่อเห็นล้อสีม่วงชัดเจนขึ้นมาก  ก็ไม่ต้องตกใจหรือตื่นเต้น....เพราะว่านั่นเป็นเพียงภาพนิมิตที่ปรากฏให้สติตามระลึกรู้แล้วก็ดับไปเท่านั้น....เป็นสภาพธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริงทางจิตขณะนั้น....ถ้าไม่มีอะไรปรากฏก็ไม่เป็นไร...เพราะเหตุว่า "ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา" ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล บังคับบัญชาไม่ได้....ธรรมะทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย...ดังนั้นเพียรฝึกต่อไป คือทำเหตุให้ถึงพร้อม....สักวันก็จะเกิดผลเอง
๕. เมื่อศูนย์พลังจักระที่ ๗  นี้มีพลังในระดับสูงมาก....คือหมายถึงจิตมีความสงบตั้งมั่นแน่วแน่...จิตจะสามารถสัมผัสกับเทพ เทวดาหรือวิญญาณในภพภูมิต่าง ๆ ได้....แต่ก็ไม่ต้องตกใจกลัว ให้ตามระลึกรู้สิ่งที่ปรากฏทางจิตขณะนั้น ว่าเป็นเพียงสภาวะธรรมหรือภาพนิมิตเท่านั้น....สิ่งที่ปรากฏหรือสิ่งที่สัมผัสไม่มีอำนาจหรืออิทธิพลต่อท่าน...เขามาปรากฏเพราะว่า ขณะนั้นจิตของท่านมีพลังหรือมีกระแสจิตที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา จึงสื่อติดต่อและสัมผัสกันได้....มันดูเหมือนง่ายมากเลยนะ...แต่จริง ๆ แล้วไม่ง่ายหรอกจ๊ะ....ต้องใช้ความเพียรและขันติอย่างมากทีเดียว และต้องฝึกอย่างต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องทำอย่างหักโหม ทำวันละครึ่ง ๒๐-๓๐ นาที ทุกวันสำหรับระยะแรก ๆ "ทุกอย่างสำเร็จด้วยความเพียร"

๖. เคล็ดลับในฝึกเสริมพลังจักระ...การที่จะมีจิตสงบได้นั้น...ต้องสงบจากกิเลสทั้งปวงในขณะนั้น จึงจะเป็นสมาธิที่ตั้งมั่นได้...และจะต้องเป็นผู้ที่มีปรกตินิสัย เป็นผู้มีจิต "เมตตา"  คือมีความเป็นมิตร ไมตรีกับทุกคนไม่เลือกชาติ ชั้น วรรณะ เป็นผู้ชอบช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น ปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์สุข โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ รักผู้อื่นเสมอเหมือนรักตน....เป็นผู้มี "เมตตาพรหมวิหาร" เป็นเครื่องอยู่ของจิต....แล้วการฝึกพลังจักระจึงจะสำเร็จดังปรารถนา....ท่านก็จะสามารถสื่่อติดต่อกับโลกทิพย์ได้อย่างอัศจรรย์

สำหรับการฝึกจักระศูนย์พลังที่ ๖,ที่ ๕,ที่ ๔, ที่ ๓, ที่ ๒ และที่ ๑ (จักระฐาน).....ก็ฝึกวิธีเดียวกัน.....เริ่มในลักษณะเหมือนกันคือ....กำหนดจิตอยู่ที่ฐานนั้น ๆ  แล้วนึกถึงวงล้อสีของพลังในฐานนั้นด้วย.....จากนั้นก็หมุนตามเข็มนาฬิกา จนเกิดสมาธิตั้งมั่นแน่วแน่.....จนเกิดภาพนิมิตเห็นวงล้อสีของฐานนั้นชัดขึ้น ๆ ตามลำดับของพลัง......ให้ฝึกจนครบทุกจักระ โดยเริ่มจากจักระฐานที่กระหม่อมก่อน.....แล้วเลื่อนลงไปจักระที่ ๒ และจักระที่ ๓ ลงไปจนครบทุกจักระ....เมื่่อครบทุกจักระแล้ว ให้เริ่มจากจักระที่ ๑ (จักระฐาน) ซึ่งเป็นฐานพลังสีแดง....กำหนดจิตที่วงล้อสีแดงอยู่ตรงก้นกบ....แล้วหมุนจนเกิดสมาธิตั้งมั่น.....จากนั้นก็เลื่อนไปจักระที่ ๒.....เลื่อนไปเรื่อยจนถึงจักระที่ ๗ (ฐานกระหม่อม) เป็นอันว่าครบวงจรของการสร้างพลังจักระ

การฝึกเสริมพลังจักระนี้  เป็นการเสริมและปรับพลังให้สมดุลย์กัน ด้วยการหมุนวงล้อให้ครบทุกจักระหรือทุกฐานพลัง.....จักระแต่ละฐานจะมีพลังไม่เท่ากัน เพราะว่าพลังแต่ละสีมีอิทธิพลต่างกัน.....เมื่อหมุนไปเรื่อย ๆ พอฐานใดมีพลังมากพอแล้ว วงล้อเขาจะหยุดหมุนเอง นี่ก็คือความพิเศษอย่างหนึ่งของจักระ.....ถ้าไม่เกิดนิมิตอะไรก็ไม่ต้องท้อแท้  เพียรพยายามให้สม่าเสมอ จะเกิดผลเอง เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมแล้ว.....สงสัยอะไรเชิญติดต่อสอบถามเป็นส่วนตัวได้จ๊ะ....ขอให้ทุกท่านมีพลังจักระที่มีประสิทธิภาพดังปรารถนาเถิด

Friday, September 23, 2011

พลังจักระ (๒)






จักระทั้ง ๗ มีอะไรบ้าง
จักระที่ ๑.....เป็นฐานของศูนย์พลังงานทั้งหมดในร่างกาย....เป็นธาตุดิน....เป็นศูนย์พลังสีแดง....อยู่ที่ก้นกบ....อวัยวะและต่อท่ี่เกี่ยวข้องได้แก่ กระดูกสันหลัง กระดูกทั้งหมด ขา ไตและลำไส้....พลังในจักระที่ ๑ นี้
ทำหน้าที่สร้างภูมิต่อต้านโรคต่าง ๆ  ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีชีวิตชีวา กระฉับกระเฉง....ถ้าฝึกจนเกิดพลังสูงมาก จักะในฐานนี้ก็จะเปิดเองโดยไม่ต้องทำอะไร

จักระที่ ๒....อยู่ที่ตรงสะดือ...เป็นธาตุน้ำ....เป็นพลังสีส้ม...เป็นศูนย์พลังที่ทำให้เกิดพลังทางเพศ....ถ้ามีคุณภาพก็จะทำให้เกิดพลังความเชื่อมั่นในตนเอง....มีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่แปลก....ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดี....พลังนี้ทำให้มีชีวิตชีวาและสามารถล้างพิษในร่างกายได้ด้วย....นอกจากนั้นยังทำหน้าที่ควบคุมระบบสืบพันธ์....อวัยวะและต่อมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ รังไข่ ลูกอัณฑะ ต่อมลูกหมาก ม้าม มดลูก อวัยวะสืบพันธ์ กระเพาะปัสสาวะ....จักระที่ ๒ นี้ถ้ามีพลังมากจะสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะที่กล่าวมาแล้วได้ด้วย

จักระที่ ๓....อยู่ตรงกลางระหว่างหัวใจกับสะดือ....เป็นพลังสีเหลือง....เป็นธาตุไฟ.....อวัยวะที่เกี่ยวข้องได้แก่ ระบบประสาทกล้ามเนื้อ ตับ ถุงน้ำดี ต่อมหมวกไต กระเพาะอาหาร....ทำหน้าที่ขับถ่ายสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย ควบคุมระบบการย่อยอาหาร....จักระที่ ๓ นี้เป็นศูนย์กลางของร่างกาย.....ถ้ามีพลังมากจะทำให้เป็นคนร่าเริง ตื่นตัวเสมอ สามารถประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ มีความเชื่อมันในตนเอง.....พลังในฐานนี้ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร  ลำไส้ ไส้ติ่ง ตับ ม้าม ถุงน้ำดี กระเพาะปัสสาวะ  ไต เบาาหวาน

จักระที่ ๔....อยู่ตรงทรวงอก.....เป็นพลังสีเขียว...เป็นธาตุลม....อวัยวะที่เกี่ยวข้องได้แก่ หัวใจ ต่อมไร้ท่อ ปอด แขนและขา....ศูนย์พลังนี้ทำหน้าที่ควบคุมระบบการไหลเวียนของโลหิต หัวใจ  ไขมันในเส้นเลือด... ...ถ้ามีพลังมากจะสามารถรักษาโรคหัวใจและเกี่ยวกับหลอดเลือดได้....ถ้ามีคุณภาพจะเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูง มีมนุษยสัมพันย์ดี มีเมตตาจิต....พลังในจักระที่ ๔ นี้ สามารถรับพลังจักรวาล พลังจากเทพหรือจากวิญญาณชั้นสูงได้ด้วย

จักระที่ ๕...อยู่ที่ลำคอ...เป็นพลังสีฟ้า...ธาตุอากาศ....อวัยวะและต่อมที่เกี่ยวข้องได้แก่ ต่อมไธรอยด์ พาราไธรอยด์ ปาก คอ....มีหน้าที่ควบคุมระบบทางเดินหายใจ ผิวหนัง  การพูด เสียงและการสื่อความหมาย....ถ้ามีพลังมากจะสามารถใช้รักษาโรคปอด หลอดลม ลำคอ หอบหืด ไอ จมูก ไซนัส ผื่นคัน ผิวหนัง....นอกจากนั้นพลังในจักระที่ ๔ นี้ถ้ามีคุณภาพมาก จะทำให้เป็นคนมีความสามารถในการพูด มีวาทะศิลป์ มีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักมารยาทในสังคม

จักระที่ ๖....อยู่ตรงกลางหน้าผาก....เป็นพลังสีน้ำเงินแก่....ธาตุแสงสว่าง....อวัยวะและต่อมที่เกี่ยวข้องได้แก่ ต่อมพิตูอิทารี ต่อมฐานสมองเกี่ยวกับตาข้างซ้าาย หูทั้งสองข้าง จมูก....ทำหน้ามี่เปรียบเสมือนเป็นตาที่สาม ควบคุมสติปัญญา ความนึกคิดและระบบประสาท ใช้พลังนี้ติดต่อกับเบื้องบนได้ด้วย....ใช้ทำลายเชื้อโรคบางชนิดได้ด้วย

จักระที่ ๗....อยู่ตรงกลางกระหม่อม....เป็นพลังสีม่วง....ธาตุรู้....ทำหน้าที่ควบคุมระบบประสาททั้งหมดในร่างกาย เป็นศูนย์ควบคุมจักระทั้งหมด....จักระนี้สามารถรับพลังจักรวาลแล้วแผ่ไปทั่วร่างกายได้  สามารถสื่อติดต่อและสัมผัสกับวิญญาณในภพภูมิต่าง ๆ ได้....สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ....อวัยวะและต่อมที่เกี่ยวข้องได้แก่ ต่อมไพนีล ศูนย์รวมระบบประสามตาข้างขวา

                                                                                                              โปรดติดตามต่อไป

Thursday, September 22, 2011

พลังจักระ






สวัดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน....นานทีเดียวที่ฉันไม่ได้เขียนบทความ เป็นยังไงบ้างค่ะ  บทความต่าง ๆ เกี่ยวกับพลังจิตที่ฉันได้นำมาเผยแพร่ให้อ่านกัน....ท่านทดลองฝึกกันบ้างหรือยังคะ  ถ้าท่านติดตามและทดลองฝึกอยู่บ่อย ๆ  วันละเล็กละน้อยค่อย ๆ  สะสมไปเรื่อย ๆ จนเป็นนิสัย......สักวันหนึ่งท่านก็จะมีพลังจิตอย่างอัศจรรย์อย่างไม่น่าเชื่อ ฉันก็ฝึกเองจ๊ะ ไม่ได้ไปเรียนจากสำนักไหน เพราะอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ไม่มีแหล่งเรียนเหมือนที่เมืองไทย

วันนี้ฉันจะขอแนะนำเกี่ยวกับการฝึก "พลังจักระ" เริ่มแรกทีเดียวฉันไม่ทราบหรอกนะ ว่าพลังจักระก็มีด้วย
เมื่อสิบปีมาแล้ว....ฉันได้นิมนต์หลวงพ่อสิงห์ทน นราสโภ ในนามของสมาคมไทย-กวนอิม, สวิตเซอร์แลนด์ ให้มาโปรดสมาชิกของสมาคม ในโอกาสนั้นท่านได้มอบหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ  "พลังรังษีธรรม" ไว้ให้ฉันได้ศึกษา  ฉันก็อ่านแล้วก็ลองฝึกดู  พอเป็นพื้นฐาน ก็ลองทำไปเรื่อย ๆ โดยไม่หวังผลอะไรหรอก เพราะว่ายากแม้แต่อ่านก็ยังไม่เข้าใจเลย

จนกระทั่งคืนวันหนึ่งได้มีเทวดาท่านหนึ่ง มาแนะนำวิธีฝึก "พลังจักระ" วิธีง่าย ๆ ให้ แล้วท่านก็เป็นครูฝึกให้ด้วย  เทวดาท่านคงจะสงสารมั้ง  เพราะเห็นฝึกมานานแล้วยังไม่ได้เรื่องเลย......ฉันและทุกคนในครอบครัวตกลงเป็นลูกศิษย์เทวดากันหมด........พอถึงเวลา ๓ ทุ่มเราก็จะมานั่งรออาจารย์เทวดาทุกวัน  ฉันจะไม่ขอเอ่ยชื่อท่าน เพราะท่านบอกว่าชื่อนั้นไม่สำคัญ.....ก่อนที่จะเรียน เราก็จะสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยและครูบาอาจารย์พร้อมกัน......จากนั้นอาจารย์เทวดาท่านก็จะอธิบายวิธีฝึกให้เข้าใจก่อน แล้วจึงสาธิตให้ดู......พวกเราตั้งใจเรียนด้วยความสนใจมาก  โดยเฉพาะลูกสาวลูกชาย ตอนนั้นคนเล็กยังเรียนอยู่ชั้นประถมปลายและคนโตเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น เขาชอบเรียนกับเทวดามากเลย เพราะเทวดามีเรื่องอะไรแปลก ๆ  มาสอนมาเล่าให้ฟัง ได้หัวเราะกันสนุกทุกค่ำ และได้ความรู้ใหม่ ๆ ด้วย  ส่วนสามีฉันเขาก็ชอบเข้าร่วมกิจกรรมด้วย  แต่ไม่ค่อยมีความอดทนที่จะนั่งขัดสมาธินาน ๆ 

ฉันก็เกริ่นซะเพลินไปหน่อยนะ....มาเริ่มเรื่อง "พลังจักระ" กันดีกว่า.....ก่อนอื่นควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า "จักระ"  (Chakra)....หมายถึง วงล้อที่หมุนจนทำให้เกิดพลังงาน.....จักระเป็นศูนย์รวมพลังงานในแต่ละแห่งในร่างกาย มีทั้งหมด ๗ แห่งหรือฐาน.....จักระในแต่ละฐานนี้สามารถรับพลังจากธรรมชาติ (พลังจัรกรวาล) ได้....เป็นศูนย์พลังที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวกับต่อมและอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายด้วย.....พลังจักระนี้  ทุกคนมีอยู่ในร่างกายตั้งแต่เกิดแล้ว แต่ว่ายังไม่มีพลังมากพอที่จะนำมาใช้พัฒนาชีวิตได้.....ยกเว้นบางคนมีพลังจักระมากโดยธรรมชาติ เพราะเป็นผู้ที่ชอบออกกำลังกายกลางแจ้งสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนเพียงพอ เป็นผู้ที่รักตนเองและรักผู้อื่นเสมอเหมือนรักตน   มีเมตตาโดยไม่หวังผลตอบแทน.....จึงทำให้เป็นผู้มีร่างกายและจิตใจที่เข้มแข็งมีพลังมากได้.....สำหรับผู้ที่ไม่มีพลังจักระมากพอก็เสริมพลังได้  ด้วยการฝึกฝนอย่างถูกวิธีจะช่วยได้

จุดประสงค์ของการฝึกพลังจักระ
การฝึกพลังจักระก็เพื่อพัฒนาร่างกายและจิตใจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อนำมาใช้ชีวิตประจำวัน การฝึกจักระเป็นการปรับความสมดุลย์ของพลังในแต่ะละฐาน เมื่อแต่ละฐานหรือศูนย์พลังมีพลังสมดุลย์กัน อวัยวะและต่อมต่าง ๆ ในร่างกายก็จะสามารถทำงานดีขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีภูมิต้านทานโรคดีขึ้นด้วย



                                                                                                        ติดตามตอนต่อไป